ทั้งนี้ จากประสบการณ์ในการขายสินค้าประเภทวัสดุสิ้นเปลืองโรงงานอุตสาหกรรมที่มีคุณลักษณะกับกำไว้ เช่น หน้ากากอนามัย ชุดกาวน์ ถุงมือ ฯลฯ ควรนำไปใช้จริงจึงจะประสบผลตามจริง เนื่องจาก ตราสัญลักษณ์และคุณลักษณะสามารถสกรีนหรือพิมพ์ขึ้นมาเองได้ เช่น 4131 อาจพิมพ์ใหม่ขึ้นมาเป็น 4231 หรือ 4232 แม้กระทั่งเอกสารต่างๆ เช่น ใบเซอร์และเสปค ที่ใช้รับรองสินค้าในประเภทอุตสาหกรรมก็สร้างขึ้นมาเอง เป็นต้น
เพราะฉะนั้น การเลือกใช้งานวัสดุสิ้นเปลืองโรงงานอุตสาหกรรมที่ดีที่สุด คือ การนำไปใช้งานจริง
....................................................................
หากท่านเป็นผู้เคยใช้ถุงมือโรงงานอุตสาหกรรม จะสังเกตุเห็นว่า มีตัวเลข 4 ตัว อยู่ด้านล่างเครื่องหมาย EN388 ตัวเลขเหล่านั้นคือ ผลการทดสอบของถุงมือชนิดนั้นๆ ว่ามีความสามารถทนทานต่อการทดสอบประเภทต่างๆมากน้อยเพียงใด นั่นเอง
ความเหมือนที่แตกต่างของถุงมือ ยกตัวอย่าง เช่น ถุงมือโพลี กับ ถุงมือไนล่อน ไม่ว่าจะเคลือบด้วยสาร PU หรือ เคลือบด้วยยางไนไตร นั้น หากลองมองดูเส้นใยทั้ง 2 ชนิดแล้ว มีความคล้ายคลึงกันจนแยกด้วยตาเปล่าไม่ได้ จุดสังเกตุของถุงมือทั้ง 2 ประเภทนี้ สามารถแยกได้ด้วย วิธีการง่ายๆ คือ ดูรหัสต่างๆ ซึ่งถุงมือแต่ละชนิดมีความสามารถแตกต่างกัน รหัสต่างๆจึงแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็น ความต้านทานต่อการขัดถู(Abrasion resistance) ความต้านทานต่อการบาดเฉือน(Blade cut resistance) ความต้านทานต่อการฉีกขาด(Tear resistance) และความต้านทานต่อการเจาะ(Puncture resistance) ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว รหัสดังกล่าวข้างต้น จะมีความหมายดังนี้
ตัวเลขที่ 1 คือ ความต้านทานต่อการขัดถู(Abrasion resistance)ในถุงมือแต่ละชนิดจะมีผลการทดสอบแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่นำมาใช้ เช่น ถุงมือโพลีเคลือบPU เป็นการนำเอาเส้นใยโพลีเอสเตอร์มาทอเป็นถุงมือและเคลือบด้วยสารโพลียูรีเทน หรือ PU(Polyurethane) เต็มฝ่ามือ (Palm Fit) ผลการทดสอบจะสามารถต้านทานต่อการขัดถูได้ในระดับ 3 ในส่วนของถุงมือไนล่อนเคลือบPU เต็มฝ่ามือ (Nylon coated PU palm fit glove) เป็นการนำเอาเส้นใยไนล่อนมาทอเป็นถุงมือและเคลือบด้วยสารโพลียูรีเทน ผลการทดสอบความต้านทานต่อการขัดถูจะอยู่ในระดับ 4 นั่นหมายความว่า คุณสมบัติของเส้นใยไนล่อน จะสามารถต้านทานต่อการขัดถูได้ดีกว่าเส้นใยโพลีเอสเตอร์
ตัวเลขที่ 2 คือ ความต้านทานต่อการบาดเฉือน(Blade cut resistance) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบต่างๆ ที่นำมาใช้ผลิตในถุงมือแต่ละประเภท ความสามารถในการต้านทานต่อการบาดเฉือนของถุงมือมีความแตกต่างกัน เช่น ถุงมือกันบาด ระดับ 5 สามารถป้องกันการบาดได้ในระดับสูง เนื่องจาก เส้นใยที่นำมาทอนั้นมีความพิเศษแตกต่างจากถุงมือผ้าธรรมดา โดยเสริมเส้นใยแก้วและHPPE หรือเส้นใยพิเศษอื่นๆที่มีสามารถทนทานต่อการบาดเฉือนได้เป็นอย่างดี
ตัวเลขที่ 3 คือ ความต้านทานต่อการฉีกขาด(Tear resistance) เส้นใยหรือสารเคลือบต่างๆ มีผลต่อการทดสอบทั้งสิ้น เช่น ถุงมือไนล่อนเคลือบPU กับ ถุงมือโพลีเอสเตอร์เคลือบPU ผลของการทดสอบความต้านทานต่อการฉีกขาดของถุงมือทั้ง 2 ชนิดนี้ มีค่าการทดสอบที่เหมือนกัน คือ สามารถป้องกันการฉีกขาดได้ในระดับ 3 นั่นแสดงว่า เส้นใยโพลีเอสเตอร์และเส้นใยไนล่อน มีความเหนียวไม่แตกต่างกัน หากนำเอาถุงมือไนล่อนและโพลี มาเคลือบยางไนไตร ผลการทดสอบความต้านทานต่อการฉีกขาดของ ถุงมือไนล่อนเคลือบไนไตร กับ ถุงมือโพลีเคลือบไนไตร จะอยู่ที่ระดับ 2 หากท่านผู้อ่านลองสังเกตุ ระหว่าง เส้นใยของถุงมือเคลือบPU กับ ถุงมือเคลือบไนไตร มีความเหมือนกัน จะแตกต่างกันที่ สารที่ใช้เคลือบ ผลการทดสอบเลยออกมาแตกต่างกัน
ตัวเลขที่ 4 คือ ความต้านทานต่อการเจาะ(Puncture resistance) ถุงมือที่ใช้เส้นใยทั่วไปจะสามารถป้องกันการเจาะได้ที่ระดับ 1 ส่วนถุงมือที่สามารถกันเจาะได้ดี จะเป็นถุงมือที่ใช้เส้นใยพิเศษทอเสริมเข้าไปด้วย ถุงมือชนิดนี้มีสามารถป้องกันการเจาะได้ที่ระดับ 3
ผลจากการทดสอบความต้านทานต่างๆของถุงมือนั้น ขึ้นอยู่กับเส้นใยที่นำมาใช้ผลิตและสารเคลือบต่างๆ ทำให้ผลการทดสอบออกมาแตกต่างกัน
หน้าที่เข้าชม | 476,987 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 282,155 ครั้ง |
เปิดร้าน | 4 พ.ย. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 13 ก.ย. 2568 |