📆 วันที่เผยแพร่รายงานนี้: 2 กรกฎาคม 2025
📆 วันที่อัปเดตจากแหล่งข่าว: 1 กรกฎาคม 2025
(อ้างอิง: Reuters – เวลาตีพิมพ์ UTC: 11:42)
(อ้างอิง: Reuters – ตีพิมพ์เมื่อเวลา 10:29 UTC)
(อ้างอิง: UNICEF MENA Press Release)
ในขณะที่ตะวันออกกลางยังคงเผชิญความรุนแรงจากความขัดแย้งทางทหาร ความพยายามหยุดยิงในฉนวนกาซากำลังก้าวหน้าไปอีกขั้นด้วยความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ, อิสราเอล, กาตาร์ และอียิปต์ ขณะเดียวกันเสียงเรียกร้องจากกว่า 170 องค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลกชี้ให้เห็นถึงวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง ภูมิภาคนี้ยังเผชิญกับภัยคุกคามทางทะเลจากอิหร่านและการโจมตีจากกลุ่มฮูตี ในขณะที่ราคาน้ำมันขยับขึ้นจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะเดียวกันกระแสพลังงานสะอาดกำลังก่อตัวอย่างจริงจัง โดยมีโครงการฟาร์มกังหันลมขนาดยักษ์ในอียิปต์เป็นสัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ
สหรัฐอเมริกา, อิสราเอล, กาตาร์ และอียิปต์ ได้ร่วมเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเป็นระยะเวลา 60 วันในฉนวนกาซา โดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่าอิสราเอลได้ยอมรับเงื่อนไขหลักเรียบร้อยแล้ว และแสดงความหวังว่า “ฮามาส” จะตอบรับข้อเสนอนี้โดยเร็ว
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู มีกำหนดเดินทางเยือนสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้าเพื่อพบประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ โดยจะหารือเรื่องการหยุดยิง ความตึงเครียดกับอิหร่าน และแนวทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ
กว่า 170 องค์กร NGO ชั้นนำ เช่น Oxfam, Doctors Without Borders, Save the Children และ Amnesty International ออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้ยุติ “Gaza Humanitarian Foundation (GHF)” โครงการแจกจ่ายอาหารภายใต้การสนับสนุนของสหรัฐฯ และอิสราเอล เนื่องจากมีรายงานว่าเกิดเหตุความรุนแรงบริเวณจุดแจกจ่ายอาหาร ซึ่งส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตมากกว่า 500 ราย ตั้งแต่โครงการเริ่มดำเนินการช่วงปลายเดือนพฤษภาคม
กองทัพอิสราเอลยอมรับว่ามีพลเรือนได้รับผลกระทบบริเวณดังกล่าว และกำลังทบทวนนโยบายและแนวปฏิบัติในสนามเพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อิสราเอล คัทซ์ ประกาศเตือนว่าหากกลุ่มฮูตีจากเยเมนยังคงยิงขีปนาวุธเข้าใส่อิสราเอล จะมีการตอบโต้ทางทหารอย่างเด็ดขาด โดยล่าสุดกองทัพอิสราเอลสามารถสกัดขีปนาวุธได้สำเร็จ
ด้านสหรัฐฯ รายงานว่า อิหร่าน ได้ดำเนินการเตรียมวางกับระเบิดทางทะเลในช่องแคบฮอร์มุซเมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการปิดเส้นทางเดินเรือที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ซาอุดีอาระเบีย เตรียมปรับขึ้นราคาขายน้ำมันให้ประเทศในเอเชียในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งจะเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน เพื่อรับมือกับความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นช่วงฤดูร้อน และตอบสนองต่อความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาค
รายงานผลสำรวจโดย Reuters ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบ Brent ตลอดปี 2025 มีแนวโน้มเฉลี่ยอยู่ที่ 67.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ WTI อยู่ที่ 64.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม การผลิตที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่ม OPEC+ และแนวโน้มการบริโภคที่ชะลอตัวอาจเป็นแรงกดดันต่อราคาตลาดในระยะกลาง
บริษัท Engie จากฝรั่งเศสเปิดดำเนินโครงการ “Red Sea Wind Energy” ในประเทศอียิปต์ ซึ่งเป็นฟาร์มกังหันลมขนาด 650 เมกะวัตต์ (MW) ที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกา และสามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับประชาชนมากกว่า 1 ล้านครัวเรือน โครงการนี้แล้วเสร็จเร็วกว่ากำหนดถึง 4 เดือน และถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ขยายพลังงานสะอาดในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA)
ความพยายามหยุดยิง ในฉนวนกาซายังคงดำเนินต่อ โดยมีการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ, อิสราเอล, กาตาร์, อียิปต์ และฮามาส
ความปลอดภัยด้านมนุษยธรรม ถูกตั้งคำถามอย่างจริงจัง โดย NGO หลายแห่งเรียกร้องให้ยกเลิกโครงการช่วยเหลือภาคสนามที่อาจก่อให้เกิดอันตราย และหันมาใช้ช่องทางขององค์การสหประชาชาติ (UN)
เส้นทางเดินเรือในตะวันออกกลาง มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการเตรียมพร้อมเชิงรุกของอิหร่าน รวมถึงภัยคุกคามจากกลุ่มติดอาวุธ
ราคาน้ำมัน มีแนวโน้มขยับขึ้นจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ แม้ว่าจะเผชิญแรงกดดันจากอุปทานส่วนเกินในบางภูมิภาค
พลังงานหมุนเวียน กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญของประเทศในภูมิภาค ที่เร่งลงทุนเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ:
หมวดหมู่บทความ
หน้าที่เข้าชม | 476,989 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 282,157 ครั้ง |
เปิดร้าน | 4 พ.ย. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 13 ก.ย. 2568 |