รัฐบาลจีนเดินหน้านโยบายกระตุ้นการบริโภคและเปิดทางให้ธุรกิจเอกชน ท่ามกลางความเปราะบางของภาคอสังหาริมทรัพย์ หนี้สาธารณะ และความสัมพันธ์ตึงเครียดกับสหรัฐฯ ด้านการเมืองยังคงมั่นคงภายใต้การนำของสี จิ้นผิง แม้มีแรงกดดันจากภายในและภายนอกประเทศ
ผู้นำสูงสุด “สี จิ้นผิง” ยังคงรวมศูนย์อำนาจอย่างแข็งแกร่งในพรรคคอมมิวนิสต์ โดยมีการปรับโครงสร้างบางตำแหน่งทหารระดับสูง ล่าสุดมีการปลด “พลเอกเมียว ฮวา” ออกจากคณะกรรมการทหารกลาง เหตุละเมิดวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งสะท้อนการกวาดล้างภายในกองทัพยังดำเนินอยู่
จีนประกาศใช้ “กฎหมายส่งเสริมภาคเอกชน” (Private Sector Promotion Law) เพื่อรับมือกับความเชื่อมั่นที่ลดลง โดยเน้นคุ้มครองทรัพย์สินเอกชน เสรีภาพในการประกอบธุรกิจ และเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในโครงการรัฐ
ด้านนโยบายต่างประเทศ จีนเดินสายเชิงสัญลักษณ์ เช่น เข้าร่วมงานวันชัยชนะ (Victory Day) ที่รัสเซีย เพื่อแสดงบทบาทพันธมิตร และประสานจุดยืนร่วมในเวทีโลก โดยเฉพาะในบริบทตะวันออกกลางและยูเครน
จีนตั้งเป้า GDP ปี 2568 ที่ราว 5% โดย “หลี่ เฉียง” นายกรัฐมนตรี ระบุว่าเศรษฐกิจจีนยังเติบโตเร็วเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจใหญ่ระดับโลก พร้อมระบุว่า “จีนกำลังเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยการบริโภคภายใน”
อย่างไรก็ตาม สถาบันชั้นนำหลายแห่งมีมุมมองแตกต่าง:
IMF คาดว่า GDP ปีนี้จะโตเพียง 4.0%
OECD คาดปี 2568 โต 4.7% และลดลงเป็น 4.3% ในปี 2569
Moody’s ลดคาดการณ์เหลือ 3.8% อ้างความเสี่ยงจากหนี้ท้องถิ่นและภาคอสังหาฯ
รายงานจาก Goldman Sachs ระบุว่า “ราคาบ้านในจีนอาจลดลงอีก 10% จนถึงปี 2569”
บริษัทพัฒนาอสังหาฯ อย่าง Country Garden และ Evergrande ยังคงประสบปัญหาสภาพคล่อง แม้รัฐอัดฉีดผ่านธนาคารกลางและออกกองทุนช่วยเหลือ
กำไรภาคอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคมลดลง 9.1% เทียบช่วงเดียวกันปีที่แล้ว สะท้อนเศรษฐกิจภาคผลิตยังไม่ฟื้น
รัฐบาลออก “แนวปฏิบัติด้านการเงินเพื่อส่งเสริมการบริโภค” เช่น สนับสนุนสินเชื่อ REITs, การลดภาษีซื้อรถยนต์, ส่งเสริมการจ้างงานคนรุ่นใหม่
แม้ดัชนีเศรษฐกิจชี้แนวโน้มชะลอ เช่น LEI ลดลง 0.3% ในเดือนพฤษภาคม แต่ยอดค้าปลีกภาคบริการและสินค้าออนไลน์ยังมีแรงประคอง
แม้มีข้อตกลงเบื้องต้นเรื่องการค้าระหว่าง สหรัฐ–จีน เช่น ลดภาษีสินแร่หายาก (rare earth) และยกเว้นภาษีเซมิคอนดักเตอร์บางรายการ
แต่สหรัฐฯ เพิ่งประกาศขึ้นภาษีนำเข้ายา “ฟีนแทนิล” และเทคโนโลยีจีนบางรายการ ทำให้จีนตอบโต้ด้วยการ “เข้มงวดการนำเข้าสินค้าเกษตร” และตั้งคณะกรรมการด้านความมั่นคงไซเบอร์สำหรับบริษัทเทคสหรัฐ
การเมืองจีนยังคง “มั่นคงแต่แข็งกร้าว” ด้วยโครงสร้างที่รวมศูนย์อำนาจ
เศรษฐกิจจีนอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจาก “การลงทุน–อสังหาฯ” มาสู่ “การบริโภคภายใน” และ “อุตสาหกรรมเทคโนโลยี”
อย่างไรก็ตาม ภาระหนี้ท้องถิ่น ภาคอสังหาฯ ที่ทรุดตัว และความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ คือความท้าทายระยะกลางที่ต้องจับตา
วันที่ 1/7/2568
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ:
หมวดหมู่บทความ
หน้าที่เข้าชม | 476,989 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 282,157 ครั้ง |
เปิดร้าน | 4 พ.ย. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 13 ก.ย. 2568 |