สถานะการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ออนไลน์ Reuters, AP News, The Guardian และ The Nation (วันที่ 20 มิถุนายน 2568)
เมื่อ 28 พฤษภาคม 2025 ทหารไทยและกัมพูชาเผชิญหน้าที่ช่องบก บริเวณสามเหลี่ยมพรมแดนไทย–กัมพูชา–ลาว ส่งผลให้ ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย
หลังการปะทะ ทั้งสองฝ่ายเสริมกำลังทหาร ปิดด่าน และใช้มาตรการด้านวีซ่า–อินเทอร์เน็ต รวมถึงห้ามนำเข้า–ส่งออกสินค้าและสื่อไทย
กัมพูชาประกาศยื่นเรื่องต่อศาลโลก (ICJ) ซึ่งไทยปฏิเสธ และเน้นเจรจากันเองผ่าน JBC โดยเพิ่งประชุมเมื่อ 14 มิถุนายน 2025 ในพนมเปญ
ข่าว การรั่วไหลของโทรศัพท์ ระหว่างนายกฯ แพรทองธาร ชินวัตร กับอดีตนายกฯ กัมพูชา Hun Sen สร้างแรงต้านภายในฝั่งกองทัพ ส่งผลให้พรรคร่วมรัฐบาล “ภูมิใจไทย” ถอนตัวในวันที่ 19 มิถุนายน และเกิดกระแสเรียกร้องให้ยุบสภา
นักวิเคราะห์ประเมินว่าหากสถานการณ์ลุกลาม อาจนำไปสู่การยุบสภาหรือแม้แต่รัฐประหาร ทางการเงินไทยเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของรัฐบาลร่วมกับอารมณ์ชาตินิยมที่รุนแรง เช่นเดียวกับในปี 2006 และ 2013
แม้ยังไม่มีการปิดด่านถาวร แต่บางด่านถูกจำกัดเวลา ทำให้การค้าชายแดนลดลงประมาณ 5–10% แม้ไม่ถือว่ารุนแรง แต่หากยืดเยื้อจะส่งผลถึง 10,000 ล้านบาทต่อเดือน
ปริมาณการค้าชายแดนไทย–กัมพูชาอยู่ที่ราว 141,000 ล้านบาทต่อปี หากถูกกีดกัน, เสี่ยงต่อการหยุดชะงักในห่วงโซ่อุปทานระหว่างกัน
กัมพูชาห้ามนำเข้า ผลไม้และผักไทย หากไทยยังปิดด่าน ทำให้ผู้ส่งออกไทยที่พึ่งพาตลาดกัมพูชาอยู่ได้รับผลกระทบ
ผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่ชายแดนรายงานว่ามีการชะลอตัวทางการค้าประมาณ 5–20%
แรงงานกัมพูชากว่า หนึ่งล้านคน ยังคงอยู่ในไทย แต่หากวิกฤตลากยาว อาจเกิดแรงกดดันให้กัมพูชารับแรงงานกลับ
ความวุ่นวายในรัฐบาลไทยส่งผลให้ดัชนี SET ดิ่งลงประมาณ 1.5–6% ในช่วงใกล้เหตุการณ์ใหญ่ เช่น รัฐประหาร หรือยุบสภา
บรรดานักวิเคราะห์แนะนำให้นักลงทุนพึงพากลุ่มหุ้นรับเสริม (defensive) เช่น กลุ่มกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน และหุ้นป้องกันภัย มากกว่ากลุ่มท่องเที่ยว–เกษตรที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากความตึงเครียด
ทั้งไทยและกัมพูชาต้องเลื่อนโครงการ EEC, สะพานมิตรภาพไทย–กัมพูชา และโครงการร่วมอื่นๆ เนื่องจากไม่มั่นใจด้านการลงทุนและกระแสต่อต้านทางการเมือง
กัมพูชาปั้นกลยุทธ์ย้ายช่องสื่อ ช่วยให้จีนและเกาหลีใต้ได้อานิสงส์อย่างไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่เชิงภูมิยุทธศาสตร์ในภูมิภาค
เดินหน้า JBC อย่างจริงจัง – กำหนดกรอบเวลา และตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ
เปิดด่านและสร้างระบบค้าชายแดนฉุกเฉิน – เพื่อป้องกันการกระทบลึก
เยียวยาผู้ค้า–เกษตรกรชายแดน – สนับสนุนทางการเงินหรือประกันรายได้ขั้นต่ำ
ยืนยันเสถียรภาพการเมือง–ดึงความเชื่อมั่นนักลงทุน – เร่งรัดงบฟื้นเศรษฐกิจ
ดึง ASEAN เข้ามาเป็นตัวกลาง – ลดอคติทางการเมืองระหว่างประเทศ
โดยรวมแล้ว ปัญหาเขตแดนนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องการชิงพื้นที่ แต่ได้เจาะระบบเศรษฐกิจและการเมืองของทั้งสองประเทศ หากไม่ได้มีการจัดการและเจรจาอย่างจริงจัง การชะลอตัวของเศรษฐกิจชายแดนและความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจลากยาว และสะท้อนถึงความเปราะบางในระบบภูมิภาคอาเซียน
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ:
หมวดหมู่บทความ
หน้าที่เข้าชม | 476,989 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 282,157 ครั้ง |
เปิดร้าน | 4 พ.ย. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 13 ก.ย. 2568 |