9 สิงหาคม 2568
เมื่อโลกเดินหน้าเข้าสู่ "เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ" อีกคำถามที่เรียกร้องการตอบคือ:
ใครจะได้ประโยชน์จริงจาก Green Supply Chain – และใครต้องปรับตัว?
เมื่อซัพพลายเชนสีเขียวกลายเป็นตัวชี้ชะตาการแข่งขันในยุคคาร์บอนต่ำ
ในโลกที่กำลังเผชิญการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ Green Supply Chain (GSC) หรือ “ห่วงโซ่อุปทานสีเขียว” กำลังกลายเป็นข้อกำหนดสำคัญของการค้าระหว่างประเทศ
จากเดิมที่ซัพพลายเชนมุ่งเน้นเพียง ประสิทธิภาพและต้นทุน วันนี้ต้องเพิ่ม ความยั่งยืนและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เข้าไปเป็นหัวใจหลัก
ผลที่ตามมา คือ ใครปรับตัวได้เร็ว ย่อมได้เปรียบทั้งด้านการค้า การลงทุน และภาพลักษณ์ในตลาดโลก
Green Supply Chain หมายถึงการบูรณาการมาตรการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเข้าในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่
การออกแบบสินค้า (Eco-design)
การจัดซื้อวัตถุดิบ (Green Procurement)
การผลิต ด้วยพลังงานสะอาดและการจัดการของเสีย
การขนส่งและโลจิสติกส์สีเขียว
การรีไซเคิลและการนำกลับมาใช้ใหม่ (Circular Economy)
เป้าหมายหลัก คือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ลดของเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร
ความต้องการใช้ระบบโลจิสติกส์สีเขียวในตลาดโลก เติบโตเฉลี่ย 8–8.3% ต่อปี (2023–2030)
ในกลุ่มประเทศ RCEP หากประเทศสมาชิกเพิ่ม ดัชนี Green Logistics Performance Index (GLPI) ขึ้น 1% การส่งออกของจีนไปยัง RCEP จะเพิ่มขึ้นถึง +2.887%
ดัชนี GLPI ล่าสุด (2024) ในอาเซียน:
สิงคโปร์ – 4.30
มาเลเซีย – 3.65
ไทย – 3.40
เวียดนาม – 3.30
ที่มา: IEA, World Bank LPI, Frontiers in Environmental Science
Singapore นำโด่งทั้งในระดับภูมิภาคและโลกด้านประสิทธิภาพโลจิสติกส์
Thailand มีคะแนนอยู่ในกลุ่มกลาง-สูงของอาเซียน แต่ยังตามหลังสิงคโปร์อย่างชัดเจน
Vietnam แม้มีคะแนนต่ำกว่าไทยเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในอันดับ Top 5 ของอาเซียนเช่นกัน
ค่าคะแนนนี้สะท้อนศักยภาพในการจัดการค้าระหว่างประเทศ โลจิสติกส์ และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเปิดพื้นที่ให้ทั้งไทยและเวียดนามพัฒนาและขยับขึ้นไปได้ในอนาคต
ยุโรป: ใช้กฎ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) บังคับเก็บภาษีคาร์บอนจากสินค้านำเข้า เช่น เหล็ก ซีเมนต์ ปุ๋ย — ประเทศที่ไม่มี GSC จะเสียเปรียบต้นทุนทันที
สหรัฐฯ และญี่ปุ่น: กำหนดมาตรฐานสิ่งแวดล้อมและการเปิดเผยข้อมูล Scope 3 Emissions ในซัพพลายเชน
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้: เวียดนามและมาเลเซียเร่งลงทุนในระบบพลังงานสะอาดเพื่อดึงดูด FDI ขณะที่ไทยอยู่ในช่วงกลางของการเปลี่ยนผ่าน
ไทยมีศักยภาพด้านการผลิตอาหารและชิ้นส่วนยานยนต์ แต่ยังพึ่งพาพลังงานฟอสซิลสูงกว่า 70% ของการใช้พลังงานรวม
เป้าหมาย Net Zero 2065 ต้องเร่งปรับสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเป็น 50% ภายในปี 2040
หากสามารถยกระดับ GLPI จาก 3.40 → 3.70 ภายใน 5 ปี จะเพิ่มศักยภาพการส่งออกได้มากกว่า 5–7% ในตลาดที่มีกฎคาร์บอนเข้มงวด
ภาพ: อันดับ GLPI (Green Logistics Performance Index — ดัดแปลงจาก LPI) และศักยภาพการส่งออกของไทย–อาเซียน (World Bank LPI 2023)
หมายเหตุ: ข้อมูลเปรียบเทียบ LPI (Logistics Performance Index) ของ สิงคโปร์ (4.30 คะแนน), ไทย (3.4-3.5 คะแนน) และ เวียดนาม (3.3 คะแนน) จากการจัดอันดับล่าสุดของ World Bank LPI 2023 (ปรับปรุงทุก 2 ปี ใช้ข้อมูลย้อนหลัง 2022–2023)
ผลการศึกษาทางวิชาการ (2022) ชี้ว่า การเพิ่ม GLPI +1% ในกลุ่ม RCEP อาจช่วยให้การส่งออกของจีนเพิ่มขึ้นถึง +2.887% สะท้อนให้เห็นว่าการพัฒนาโลจิสติกส์สีเขียวมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับศักยภาพเศรษฐกิจ
(ที่มา: World Bank LPI 2023, Hypothetical Export Potential Index; Visualization: Green Supply Chain Analysis)
ภาครัฐ:
สร้างมาตรฐาน Green Logistics และระบบติดตาม Scope 3
บูรณาการ GSC ใน FTA เช่น RCEP และ CPTPP
ภาคธุรกิจ:
สำรวจคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของซัพพลายเชน
ลงทุนในพลังงานสะอาด และระบบขนส่งไฟฟ้า
นักลงทุน:
ให้ความสำคัญกับ ESG และ Green Finance
เลือกพอร์ตที่มีธุรกิจ Supply Chain ยั่งยืน
Green Supply Chain ไม่ใช่เพียง “แนวโน้ม” แต่เป็น เงื่อนไขบังคับของการค้าโลกยุคใหม่
ประเทศและธุรกิจที่ปรับตัวก่อนจะได้เปรียบทั้งในต้นทุนและการเข้าถึงตลาด ขณะที่ผู้ล่าช้าจะถูกกีดกันทางการค้าและเสียโอกาสการลงทุน
“อนาคตการค้าโลกจะขับเคลื่อนด้วยซัพพลายเชนที่ยั่งยืน ไม่ใช่เพียงซัพพลายเชนที่ถูกที่สุด”
World Bank (2023). Logistics Performance Index (LPI) 2023.
https://lpi.worldbank.org
– การจัดอันดับประสิทธิภาพโลจิสติกส์ทั่วโลก ใช้ข้อมูลย้อนหลัง 2022–2023 ปรับปรุงทุก 2 ปี
World Bank (2022). Hypothetical Export Potential Index (HEPI).
– งานวิจัยที่ชี้ความสัมพันธ์ระหว่างการเพิ่ม GLPI และการเติบโตของการส่งออก โดยในกลุ่ม RCEP การเพิ่ม GLPI +1% อาจช่วยให้การส่งออกของจีนเพิ่มขึ้น +2.887%
OECD (2023). Greening Global Value Chains.
– วิเคราะห์แนวโน้มการปรับตัวของห่วงโซ่อุปทานโลกสู่คาร์บอนต่ำและผลกระทบต่อประเทศกำลังพัฒนา
UNESCAP (2023). Asia and the Pacific SDG Progress Report 2023.
– สถิติการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานสะอาดในเอเชียแปซิฟิก
International Energy Agency (IEA) (2023). World Energy Outlook 2023.
– ข้อมูลการใช้พลังงาน การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และการปล่อยคาร์บอน
World Economic Forum (WEF) (2024). Global Risks Report 2024.
– ความเสี่ยงด้านโลจิสติกส์และการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
Asian Development Bank (ADB) (2023). ASEAN Green Recovery Pathways.
– แนวทางการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวและการเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศ
บทความที่น่าสนใจ:
หมวดหมู่บทความ
หน้าที่เข้าชม | 476,989 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 282,157 ครั้ง |
เปิดร้าน | 4 พ.ย. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 13 ก.ย. 2568 |