3 สิงหาคม 2568
อ้างอิงจากรายงานของ Global Witness, Human Rights Watch: Cambodia Country Report, AP News, Mongabay, The Guardian
ภายใต้เงาสลัวแห่งประชาธิปไตย กัมพูชากำลังถูกโอบล้อมด้วยอำนาจครอบครัวที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเสียงประชาชน
เครือข่ายลับของตระกูลฮุน เซน กำลังกลืนกินเศรษฐกิจ ทรัพยากร และเสรีภาพของทั้งประเทศ
เมื่ออำนาจรัฐไม่เพียงปกครอง แต่ยังถือครองทุกสิ่ง — ใครจะหยุดยั้งได้?
กัมพูชาถูกปกครองโดยฮุน เซนมาตั้งแต่ปี 1985 จนถึงปี 2023 เมื่อเขาถอนตัวจากตำแหน่งและส่งมอบอำนาจให้ลูกชาย ฮุน มาเน็ต โดยตรง แม้จะมีการเปลี่ยนผู้นำอย่างเป็นทางการ แต่อำนาจจริงยังคงอยู่ในมือของครอบครัวเดิม พร้อมกับเครือข่ายเศรษฐกิจที่แทรกซึมในแทบทุกภาคส่วนของประเทศ
หลังการล่มสลายของระบอบเขมรแดง ฮุน เซน ซึ่งเคยเป็นผู้บัญชาการระดับกลาง ได้รับการสนับสนุนจากเวียดนามให้ขึ้นสู่อำนาจ และค่อยๆ ขยายอิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ
📌 ข้อมูลสำคัญจากรายงาน “Hostile Takeover” โดย Global Witness (2016):
รายงานนี้ได้เผยแพร่แผนผังเครือข่ายธุรกิจของสมาชิกครอบครัวฮุน เซน มากกว่า 27 คน ครอบครองหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทอย่างน้อย 114 บริษัท ในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่ เหมืองแร่, อสังหาริมทรัพย์, การธนาคาร, พลังงาน, สื่อ, ไปจนถึง การศึกษาเอกชน
กัมพูชามีโครงการ "สัมปทานที่ดินเพื่อเศรษฐกิจ" (Economic Land Concessions - ELCs) ซึ่งเปิดโอกาสให้เอกชนเช่าพื้นที่ป่าขนาดใหญ่เพื่อการเกษตรและการพัฒนาโครงการต่างๆ
ปัญหา: มีการตั้งข้อสังเกตว่า “ที่ดินหลายแสนเฮกตาร์” ถูกส่งมอบให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวฮุน เซน หรือผู้ที่จงรักภักดีต่อระบอบนี้ โดยขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่เดิม
🔹 ตัวอย่าง:
บริษัทที่ภรรยาและลูกสาวของฮุน เซนมีชื่อเป็นกรรมการ ได้รับที่ดินขนาดใหญ่ในจังหวัดราชบูรีและโพธิสัตว์
หมู่บ้านหลายแห่งในจังหวัดกระแจะและเสียมราฐถูกบังคับเวนคืนโดยไม่มีค่าชดเชยที่เหมาะสม
บริษัทเหล่านี้มักจดทะเบียนโดยใช้ชื่อคนในตระกูลหรือผู้ใกล้ชิด มีบางกรณีใช้บริษัทตัวแทนในสิงคโปร์และฮ่องกงเพื่อปิดบังความเป็นเจ้าของที่แท้จริง
ตัวอย่างที่ถูกเปิดโปง:
บริษัทก่อสร้างที่มีหุ้นส่วนชาวจีน ร่วมมือกับรัฐกัมพูชาในโครงการรถไฟใต้ดินกรุงพนมเปญ โดยมี “บุตรชายของฮุน เซน” เป็นกรรมการบริหารลับ
การโอนหุ้นในบริษัทเหมืองทองในจังหวัดพระวิหารไปยังนิติบุคคลที่จดทะเบียนในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน
รายงานของ Human Rights Watch และ Committee to Protect Journalists (CPJ) ระบุว่า:
“ระหว่างปี 2000–2024 มีนักข่าวมากกว่า 17 คนที่ถูกคุมขัง ถูกข่มขู่ หรือเสียชีวิตโดยไม่สามารถระบุผู้กระทำผิด”
🔹 กรณีเด่น:
เมค ดารา (Mech Dara) นักข่าวจาก Cambodia Daily ที่เคยเขียนถึงการทุจริตในกระทรวงพาณิชย์ และเชื่อมโยงการประมูลที่ดินกับลูกชายของผู้นำ ถูกจับกุมในปี 2023 และถูกตั้งข้อหายุยงปลุกปั่น
นักสิ่งแวดล้อมจาก NGO Mother Nature Cambodia ถูกคุกคามหลังออกมาเปิดโปงการตัดไม้ผิดกฎหมายในเขตสัมปทานที่เชื่อมโยงกับภรรยาของอดีตรัฐมนตรี
ฮุน เซน มีผู้ติดตามกว่า 14 ล้านคนใน Facebook (ในขณะนั้น) โดยใช้เป็นเครื่องมือเผยแพร่ข้อมูลที่สร้างภาพลักษณ์ และโจมตีฝ่ายค้าน
การควบคุมสื่อภายในประเทศเข้มงวด มีการปิดสำนักข่าวอิสระหลายแห่ง เช่น Cambodia Daily และ Radio Free Asia ภายในปี 2017–2020
ความร่วมมือกับนักลงทุนจีนมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในโครงการพัฒนาท่าเรือ, เขตอุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์
แต่มีการกล่าวหาว่าโครงการเหล่านี้มักเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน, การพนันออนไลน์ และการลักลอบค้าคน โดยรัฐกัมพูชามีท่าที “เพิกเฉย”
รายได้เฉลี่ยของชาวกัมพูชายังอยู่ที่ระดับต่ำ (น้อยกว่า 1,800 ดอลลาร์/ปี)
ชาวบ้านหลายแสนคนสูญเสียที่ทำกิน
กลุ่มเยาวชนรุ่นใหม่เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น แม้เสี่ยงต่อการถูกจับ
ระบอบของฮุน เซน คือ “อำนาจนิยมในรูปแบบใหม่” ซึ่งผสานการควบคุมทางการเมือง เข้ากับเครือข่ายธุรกิจและการผูกขาดทรัพยากรอย่างแนบเนียน
แม้ฮุน มาเน็ตจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในนาม แต่โครงสร้างเดิมยังคงอยู่ และการเปลี่ยนผ่านอำนาจอาจเป็นเพียงภาพลวงตา
บทความที่น่าสนใจ:
หมวดหมู่บทความ
แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ
หน้าที่เข้าชม | 476,989 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 282,157 ครั้ง |
เปิดร้าน | 4 พ.ย. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 13 ก.ย. 2568 |