วันที่เผยแพร่: 30 กรกฎาคม 2568
แหล่งข่าว: สำนักข่าวในกัมพูชา,AP News, Arab News, Reuters, The Guardian, The Australian
ข้อสังเกต: เนื้อหาบางส่วนอาจสะท้อนมุมมองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข้อมูล
ภายหลังการปะทะรุนแรงตลอด 5 วัน บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งคร่าชีวิตพลเรือนทั้งสองฝั่งและทำให้ประชาชนกว่า 300,000 คนต้องพลัดถิ่น พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้แถลงผ่านช่องทางทางการของรัฐบาล ย้ำชัดเจนว่า:
“นับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้เวลา 00:00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม กองทัพกัมพูชาได้ ยุติปฏิบัติการทางทหารทุกประการ และไม่เคยเริ่มโจมตีหรือรุกรานอีกเลย… หากเกิดเหตุปะทะใดๆ นับจากนี้ เราขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยอิสระจากภายนอก”
กัมพูชาเสนอให้ มีผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศจากประเทศเป็นกลาง เช่น มาเลเซีย, อินโดนีเซีย หรือกลุ่ม ASEAN ลงพื้นที่ทั้งสองฝั่งชายแดน เพื่อ “คลี่คลายความเคลือบแคลงใจ” ที่ยังคุกรุ่น
โฆษกหญิงมาลีเสริมว่า:
“ประชาคมโลกควรมีบทบาทมากกว่านี้ ไม่ใช่เพียงเรียกร้องให้หยุดยิง แต่ต้องเป็นพยานรับรองข้อเท็จจริงด้วย — เพื่อปกป้องชีวิตพลเรือนและลดความเข้าใจผิดที่อาจนำไปสู่การปะทะซ้ำซาก”
แม้ไม่มีเสียงปืนเพิ่มเติมในฝั่งกัมพูชา แต่ความวิตกของชาวบ้านยังคงมีอยู่สูง — หลายครอบครัวที่อาศัยในจังหวัด อุดรมีชัย และ พระวิหาร ยังคงอยู่ในที่พักพิงชั่วคราว และยังไม่กล้ากลับบ้าน
ภาพจริงจากหมู่บ้านชายแดนฝั่งกัมพูชา โดยแสดงสภาพบ้านที่ถูกเผาและพังเสียหายในหมู่บ้านบริเวณจังหวัดอุดรมีชัย
สื่อกัมพูชาแสดงให้เห็นความเสียหายในพื้นที่บ้านพร่องและตำบลใกล้แนวป่าเขาพระวิหาร โรงเรียนและสถานีบริการน้ำมันบางแห่งถูกไฟไหม้จากการปะทะ สร้างความเสียหายคิดเป็นเงินกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อครัวเรือน
ในขณะที่กองทัพไทยได้แถลงว่า มีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงจากฝ่ายกัมพูชาถึง 2 ครั้งใน 48 ชั่วโมง — โดยระบุว่าทหารกัมพูชาใช้อาวุธเบาและระเบิดขว้างบริเวณอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
กัมพูชาปฏิเสธทันทีว่า:
“เราไม่ได้เริ่มก่อน และไม่มีเหตุผลใดที่เราจะทำลายกระบวนการเจรจาที่เรายอมรับด้วยความเต็มใจ”
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การกล่าวหาซ้ำๆ อาจมีวาระทางการเมืองภายในไทยเอง
แถลงการณ์ของโฆษกหญิง ยังสะท้อนความพยายามของกัมพูชาในการ เคลื่อนตัวเข้าสู่เวทีระหว่างประเทศ โดยหวังให้ UN, อาเซียน และจีน-สหรัฐ เข้ามามีบทบาทในการประกันความมั่นคงระยะยาว
การประชุมที่ กรุงเซี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ได้ข้อสรุปร่วมในการ “ย้ำคำมั่นหยุดยิง” แต่โฆษกหญิงยังเรียกร้องว่า ต้องมีข้อตกลงที่มี “กรอบเวลาและกลไกกำกับ” ที่ชัดเจนกว่านี้
แม้ท่าทีของกัมพูชาจะเน้นสันติภาพ แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า ก่อนหน้านี้ กัมพูชาได้พยายามรักษาความได้เปรียบเชิงพื้นที่ในบางจุด เช่น ช่องอานม้าและปราสาทตาเมือนธม ซึ่งถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ และอาจใช้เป็นการ์ดต่อรองในทางการเมือง
ขณะเดียวกัน เสียงจากฝั่งไทยยังคงเรียกร้องให้กัมพูชาแสดง “ความรับผิดชอบ” ต่อความเสียหายพลเรือน โดยเฉพาะผู้เสียชีวิตจากการโจมตีด้วยจรวด BM-21 ซึ่งสร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินในฝั่งไทย
ประเด็น |
จุดยืนของกัมพูชา |
---|---|
การยิงหลังหยุดยิง | ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ย้ำยังไม่มีการโจมตีใหม่ |
แนวทางแก้ปัญหา | เสนอให้มีกลไกระหว่างประเทศร่วมตรวจสอบ |
ความเสียหายภายใน | ยอมรับว่าพื้นที่เสียหายหนัก ต้องฟื้นฟูเร่งด่วน |
ท่าทีทางทูต | พยายามขยายบทบาทอาเซียนและ UN เข้ามาควบคุมความขัดแย้ง |
ภาพชุดนี้มาจากสื่อที่รายงานข่าวสถานการณ์ในจังหวัด อุดรมีชัย และชายแดนฝั่งกัมพูชา:
ภาพผู้ลี้ภัยเด็กและผู้ใหญ่ที่ถูกอพยพจากหมู่บ้านชายแดน เนื่องจากการสู้รบและการใช้ระเบิดรอบบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดอุดรมีชัย
เจ้าหน้าที่กำลังเข้าตรวจสอบหมู่บ้านที่อยู่ลึกเข้าไปจากแนวชายแดนฝั่งกัมพูชา ซึ่งได้รับผลกระทบจากการปะทะที่ผ่านมา
รถหุ้มเกราะกัมพูชาและหน่วยรักษาความสงบประจำชายแดน ซึ่งระบุแนวปฏิบัติหลังข้อตกลงหยุดยิงมีผล
รูปภาพเน้นให้เห็นความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐานและบรรยากาศความไม่สงบ หลังเหตุสู้รบข้ามพรมแดน
บทความที่น่าสนใจ:
หมวดหมู่บทความ
แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ
หน้าที่เข้าชม | 476,989 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 282,157 ครั้ง |
เปิดร้าน | 4 พ.ย. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 13 ก.ย. 2568 |